Butterfly Valve
หรือวาล์วผีเสื้อ เรามักใช้กันมากในระบบเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ งานด้านประปาและระบบน้ำดี บำบัดน้ำเสีย รวมทั้งในระบบการผลิตอุตสาหกรรมต่างๆ
Butterfly Valve เป็นวาล์วที่ใช้กันแพร่หลายมานานแล้ว และมีประวัติการใช้งานมายาวนานนับตั้งแต่สมัยโรมัน ก็มีการใช้ Butterfly Valve ในระบบน้ำร้อนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งปัจจุบันนี้ Butterfly Valve ถูกพัฒนาโครงสร้างไปบ้างเพื่อรองรับ เทคโนโลยีสมัยใหม่และวิวัฒนาการของวัสดุสังเคราะห์ เช่นวัสดุจำพวกยางและโลหะอื่นๆทำให้มีคุณสมบัติดีขึ้นทั้งทางด้านประสิทธิภาพในการควบคุมปริมาณการไหลของของเหลว, การออกแบบเพื่อให้วาล์วปิดสนิทโดยไม่มีการรั่วซึม, การใช้วัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีหลายชนิด รวมทั้งความสามารถในการทนต่ออุณหภูมิสูง รวมถึงความดันที่สูงขึ้นอีกด้วย ทำให้ Butterfly Valve มีความได้เปรียบกว่าวาล์วชนิดอื่นดังที่ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
– มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน
– มีน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งButterfly Valve
– มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ น้อยมาก การสึกหลอจึงน้อยลงไปด้วย
– ควบคุมการไหลของของเหลวได้ดี
– ประหยัดอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งButterfly Valve
– การดูแลรักษาน้อยหากเสียส่วนใหญ่จะเปลี่ยน (ในกรณีที่เป็นแบบ Wafer)
– แรงดันลดต่ำ (low pressure drop)
– ใช้งานกับระบบควบคุมอัตโนมัติ เช่น ระบบนิวแมติก, ไฮดรอลิก หรือไฟฟ้าได้
– ใช้แรงบิด (torque) ต่ำในการเปิด-ปิด ดังนั้น ตัวขับ (actuator) จะมีขนาดเล็กลง
7 สิ่งในการพิจารณาเลือกใช้งานของ Butterfly Valve
- เลือกใช้วัสดุที่มีการทนทานต่อการกัดกร่อน (corrosion resistance) ทุกชิ้นส่วนในตัววาล์ว ซึ่งต้องสัมผัสกับของเหลวนั้นโดยตรง
- มีการทดสอบการปิดวาล์วโดยไม่มีการรั่วซึม (tight shut-off) ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานที่ถูกต้องวัสดุต้องออกแบบให้เหมาะสมอุณหภูมิและความดันใช้งานในเส้นท่อนั้นๆ
- แรงดันลด (pressure drop)
- ประสิทธิภาพของการไหล (flow characteristic)
- ลักษณะวิธีการควบคุมการเปิดปิดของวาล์ว
- การเลือกแบบของวาล์วให้เหมาะสมกับงานและการติดตั้ง
- การบำรุงรักษาและอะไหล่
การทนทานต่อการกัดกร่อน (corrosion resistance) เพื่อเป็นการยึดอายุการใช้งานของวาล์วผีเสื้อButterfly Valveให้นานที่สุด รวมทั้งประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี เราจึงต้องคำนึง ถึงการเลือกใช้วัสดุและชิ้นส่วนต่างๆ ของวาล์ว ให้เหมาะสมกับของเหลวนั้นๆ ซึ่งอาจจะเรียงลำดับความสำคัญของส่วนประกอบของตัววาล์วได้ดังนี้
- ลิ้น (disc) ตัววาล์ว (body) ในกรณีที่เป็นวาล์วผีเสื้อแบบก้านวาล์วเป็นแกนเยื้อง (eccentric) (รูปที่ 1)
- หมุด (pin หรือ bolt) ที่ยึดล้น (disc) กับแกนวาล์ว (spindle)
- lining หรือ ซีต (seat)
- แกนวาล์ว (spindle)
- แบริ่งและซีล (bearing and seals)
- ตัววาล์ว ในกรณีที่เป็นวาล์วผีเสื้อ แบบแกนตรง